บทความทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร
บทความทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร
ในฐานะคนรักรถอย่างเรา การอัพเดทเทรนด์ใหม่ ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีรถยนต์เป็นสิ่งที่เราไม่ควรพลาด กันใช่ไหมล่ะ? Frank ว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากเลย สำหรับโลกที่กำลังเปลี่ยนไป และมีเทคโนโลยีอะไรใหม่ ๆ เข้ามา การพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ในยุคสมัยนี้เรียกว่าก้าวกระโดดไม่หยุดยั้งกันเลยทีเดียว เพียงแค่หลับตาคิดก็น่าสนุกแล้ว อย่างที่เราเคยเห็นตามหนังไซไฟ (Sci-fi) โลกของรถยนต์ในหนังล้ำหน้าจริง ๆ ทำให้โลกดูเหมือนเข้าใกล้ “เทคโนโลยี” กันมากขึ้น ถ้าคุณเป็นส่วนหนึ่งของคนรักรถยนต์ และเทรนใหม่ ๆ ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด เพราะโลกนี้มีสิ่งที่น่าท้าทายอีกเพียบ! ชนิดที่เป็นนวัตกรรมยานยนต์เขย่าโลกเลยล่ะ
ในอนาคตหลาย ๆ สื่อคาดการณ์ว่า จะหมดยุคของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง และรถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความนิยมมากขึ้น เรียกว่าเป็นกระแสข่าวเทคโนโลยีรถยนต์ที่ฮือฮาน่าจับตามองทีเดียว เมื่อบริษัทรายใหญ่และผู้ผลิตรถยนต์หลายเจ้า เริ่มคิดค้นและเดินหน้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้า! นวัตกรรมใหม่ที่โลกต้องจารึก ในปี ค.ศ. 2040 -2050ขณะที่หลายสื่อเชื่อว่า “รถยนต์แบบไร้คนขับ” จะปลุกกระแสใหม่ของวงการรถยนต์ในอนาคต และจะเข้ามาตอบโจทย์กับคนยุคใหม่ท่ามกลางการแข่งขันธุรกิจรถยนต์ทั่วโลก
เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ที่เราจะได้เห็นในปี 2040
เนื่องจากต้นทุนในการผลิตแบตเตอรี่กำลังจะลดลง ทำให้ราคารถไฟฟ้าถูกลงกว่าราคาน้ำมัน จึงไม่แปลกที่ในอนาคตนั้นจะเพิ่มโอกาสขยายการลงทุนมากขึ้นอีก สำหรับรถในอนาคตยุคปี 2040 จะเต็มไปด้วยความทันสมัย และสะดวกสบาย อาจจะมีฟังก์ชั่นในการใช้งานที่หลากหลาย เช่น มีหน้าจอรถที่ภาพคมชัดละเอียด หรือสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการนั่งเข้าหากันได้แบบสบายๆ
เห็นว่าในปี 2045 จะมีการนำเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่เข้ามาใช้มากขึ้นกว่าเดิม เช่น
- การใช้ระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ หรือระบบสเเกนม่านตาแทนการใช้กุญแจรถเปิดรถ
- หน้าต่างแบบทัชสกรีน
จะเห็นได้ว่า ไม่เพียงแค่รถยนต์ที่ไร้คนขับเท่านั้นนะ แต่ยังเป็น “รถอัจฉริยะ” ที่ตอบโจทย์ความสะดวก สบายแบบครบวงจรอีกด้วย
ใกล้หมดยุครถใช้น้ำมัน
และสำหรับในปี 2050 คาดว่าน่าจะ “หมดยุครถใช้น้ำมัน” หลายประเทศก็กำลังตื่นตัวกับการใช้รถพลังงานไฟฟ้า เพราะเป็นทรัพยากรที่หมุนเวียน ใช้งานได้ง่าย และมีส่วนสำคัญช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นปัญหาของภาวะโลกร้อน รวมทั้งยังลดมลพิษทางอากาศได้ดีเลยทีเดียว แต่อย่างไรเราก็ต้องเตรียมพลังงานเชื้อเพลิงสำหรับชาร์ตแบตเตอรี่ให้เพียงพอด้วยเช่นกัน
แม้ว่าจะมีการคิดค้นผลิตพลังงานไฟฟ้าแล้ว แต่ธุรกิจรถยนต์ไทยอีกหลายเจ้า ก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนให้เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่มากขึ้น และพยายามทำความเข้าใจลูกค้าที่มีต่อรถยนต์ไทย เชื่อว่าคนไทยสามารถทำได้แน่นอน แต่รถยนต์ไฟฟ้าจะไม่เข้ามาเป็นธุรกิจใหญ่ เป็นเพียงแค่รถยนต์ทางเลือกที่อำนวยความสะดวกแก่ครัวเรือนไม่กี่หลังเท่านั้น และอาจจะมีการวางแผนระบบให้ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม
เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ คืออะไร
ปี 2040-2050 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ว่ากันว่าเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับจะมาแรงมากๆ ซึ่งเทคโนโลยีรถยนต์ดังกล่าว ก็คือ “รถยนต์ที่ขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติ (Autonomous Car)” เป็นเทคโนโลยีในอนาคตที่มาแรง การขับขี่จะเป็นการคำนวณระบบภายใน สามารถป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ และต้องทดสอบให้เห็นเพียงพอว่ารถยนต์คันนั้นมีประสิทธิภาพในการทำงานโดยไร้คนขับอย่างปลอดภัยหรือไม่
5 ประโยชน์ของเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่
ก็อย่างที่บอกข้างต้นว่า ในการคำนวณระบบภายในจะเป็นแบบอัตโนมัติ หากนำเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่เข้ามาใช้ จะช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทได้ สามารถตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างอย่างรวดเร็ว ทำให้การขับขี่ปลอดภัย ทำให้ไม่ต้องเสียทรัพย์สินโดยใช่เหตุ
2. ลดภาวะโลกร้อน
การใช้พลังงานไฟฟ้าแทนพลังงานน้ำมัน จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และไม่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน นอกจากนั้นในการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก็ยังเป็นมิตรต่อโลกและสิ่งแวดล้อม สามารถนำกลับมาใช้งานได้จริง เมื่อเราสูดดมอากาศเข้าไป ก็จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายอีกด้วย
3. ช่วยอำนวยความสะดวก
สำหรับการเดินทางที่แสนวุ่นวายในแต่ละวันของเด็ก คนชรา หรือคนพิการ คงเป็นไปได้ยาก หากไม่มีรถยนต์อัตโนมัติเข้ามาช่วย ดังนั้น เมื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกสบาย ก็จะช่วยให้การใช้ชีวิตของพวกเขาเป็นเรื่องง่ายกันเลยทีเดียว
4. ลดความเสี่ยงในคดีอาญา
เพราะการใช้รถยนต์แบบระบบอัตโนมัติ รถจะเคลื่อนที่ได้เอง ไม่ต้องมากังวลกับอุบัติเหตุจากความประมาทจนทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
5. ค่าใช้จ่ายพลังงานไฟฟ้าถูกกว่าน้ำมัน
การตลาดของน้ำมันมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยอีกในอนาคต แต่ในขณะที่พลังงานไฟฟ้านั้นจะถูกลง ไม่ต้องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาสูง ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้หลายเท่าตัว
ข้อเสียของเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ
1. รถยนต์ราคาค่อนข้างสูง
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า จะต้องใช้การผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง ย่อมส่งผลให้รถยนต์ประเภทดังกล่าวราคาสูงมาก เช่น Tesla Model S ที่มีราคาสูงถึง 2 ล้านกว่าบาท หรือแม้แต่รถยนต์ที่มีราคาถูกสุดอย่าง Nissan Leaf ก็ยังมีราคาเริ่มต้นในสหรัฐฯ สูงถึง 1 ล้านบาทเลยทีเดียว
2. ระยะทางถูกจำกัด
การเดินทางด้วยรถยนต์ระบบอัตโนมัติ จะต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำงาน และรถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้นที่มีความจุแบตเตอรี่จำกัด ก็อาจจะเดินทางได้ไม่ไกลมากนัก จะต้องคอยหาสถานที่สำหรับชาร์ตแบตอยู่ตลอดเวลา หรือใช้งานแบบผิดวิธีก็อาจจะทำให้รถยนต์เกิดติดขัด และเสียหายได้เช่นกัน
3. ไม่ได้เหมาะกับทุกคนเสมอไป
ถึงข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นมิตรต่อโลกและสิ่งแวดล้อม แต่ก็คงเป็นตัวเลือกน้อยสำหรับผู้ใช้บริการอยู่ดี ด้วยเหตุผลและข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น การใช้แบตเตอรี่ที่มีจำกัด ต้องคอยชาร์จไฟให้เพียงพอเมื่อเดินทางไกล หรือระบบเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเกินไป จนไม่สามารถเข้าใจการใช้งานอย่างแท้จริง
4. ยังไม่แน่ชัดในความปลอดภัย
จากที่กล่าวมาข้างต้นว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ก็จริง แต่ต้องบอกตามตรงเลยว่า ด้านความปลอดภัยยังไม่ค่อยแน่ชัดสักเท่าไหร่ เพราะระบบการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้าค่อนข้างสลับซับซ้อน เราจะมั่นใจได้อย่างไรใช่ไหมล่ะ ? ว่าบางรายจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพ และปลอดภัยต่อการใช้งาน สำหรับในกรณีเคสที่ผ่านมาได้มีการทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา แล้วเกิดชนกับหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จนพังเสียหาย จึงจำเป็นต้องตรวจสอบที่มาที่ไป และระบบการทำงานต่างๆ หรือจะเลือกซื้อในอนาคตก็ต้องตัดสินใจให้ดีว่าจะใช้งานในบ้านเราได้จริงใช่ไหม ถ้าหากเราเดินทางในระยะทางไกล หรือเปิดแอร์ทิ้งไว้นาน ก็อาจจะทำให้เเบตเตอรี่หมด รถเสียได้ และยิ่งเราไม่รู้วิธีซ่อม ก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน จนกว่าในอนาคตจะมีการทดสอบให้แน่ชัดก่อนว่ารถยนต์ไร้คนขับจะสามารถเคลื่อนตัวได้อย่างปลอดภัยจริงๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น